วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กระต่ายเลือกเรา หรือเราเลือกกระต่าย

จากบทความ 'รักแรกพบ' ได้กล่าวถึงว่าได้น้อง milk มาอยู่ด้วยได้อย่างไรบทความนี้จะขยายความเพิ่มอีกหน่อย เพื่อให้เห็นความน่ารักของ น้อง milk
ปกติเวลาเราอยากได้กระต่ายมาเลี้ยงสักตัวเราก็จะไปเลือกๆกันใช่มั้ยนี่ก็ไปเลือกเหมือนกันนะ แต่ไปๆมาๆเค้าเป็นฝ่ายเลือกเรา 555

คือหลังจากที่เห็นเค้าเอากระต่ายมาขายโดยมีน้อง milk วางโชว์ บนฝาตะกร้าพลาสติก และเมื่อเปิดดูข้างในตระกร้าก็มีกระต่ายอยู่ 2-3 ตัว ตอนนั้นก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลี้ยงเลยขอเบอร์เค้าไว้ ว่าจะเก็บเอาไปคิดก่อน

พอคิดได้แล้วว่า ทำไมเราจะดูแลเค้าไม่ได้ละ ก็แค่ตัวเดียวเอง อิอิ

หลังจากนั้นไม่นานก็ออกมาดู เพราะอยู่แค่ปากซอยเอง ปรากฎว่าเค้ากลับไปแล้ว เลยโทรถามว่าร้านเค้าอยู่ไหน ก็พบว่าเค้าก็เป็นนักศึกษาเหมือนกัน และเพาะกระต่ายในห้องพัก ไว้ขาย ก็ตามไปดูที่หอเลย พอไปถึง มีกรงกระต่ายเรียงรายเพียบ เค้าเอาลูกกระต่ายออกมาให้เลือก 2 คอก วิ่งเล่นกันให้วุ่นเลย
เราก็นั่งเลือกกับเพื่อนว่าตัวไหนดี เน้นสี ไม่เน้นเพศ เพื่อนเราชอบสี ควันบุหรี่ ซึ่งมี 1 ตัวพอดีที่เป็นสีนี้ เลยกะว่า อะ ตัวนี้หละ

.....แต่ว่า ที่ตักเรานั้น มีกระต่ายตัวนึงปีนมานั่งบนตัก ดมๆ ปีนๆ แล้วก็ไม่ไปไหนเลยนั่งอยู่งั้นละ ไอ้เราก็นั่งฟังคนขายแนะนำวิธีเลี้ยง ต่างๆนาๆ เราก็จ่ายตังค์ เพราะเลือกน้องสีควันบุหรี่แล้วนิเนอะ

.....แต่เจ้าตัวที่อยู่บนตักก็ยังไม่ไปไหน -*-
เราเลยบอกเพื่อนว่าเอาตัวนี้ได้ไหม เค้าน่ารักดี ดูสิไม่ยอมไปไหนเลย เพื่อนก็บอกว่าได้สิ และเจ้าตัวที่อยู่บนตักก็กลายมาเป็น "น้อง milk" นั่นเอง
ซึ่งเราจำไม่ได้หรอกว่าคือตัวที่เค้าเอาไปโชว์ตอนแรกเพราะเราไม่ได้สังเกต แต่เพื่อนมาบอกอีกทีว่า ตัวเดียวกัน

นี่ก็คือที่มาของ น้อง milk ซึ่งเค้าเป็นฝ่ายเลือกเรานั่นเอง (น้อง milk คงคิดในใจว่า "คนนี้เลย มาเป็นคนรับใช้ชั้นซะดีๆ 555")

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กระต่ายแสนซน

ยังจำกันได้ไหมชื่อนี้ "น้องMilk" นั่นแน่ จำกันได้ใช่ป่าววววววว O_o
หลังจากที่เกริ่นถึงเรื่องรักแรกพบ ที่ไปตกหลุมรักกระต่ายหนุ่มตัวน้อย ตาใส ตัวกลม นามว่า น้องMilk ก็ไม่เคยได้กล่าวถึงน้อง Milk ตรงๆซะที

เอาละได้ฤกษ์ วันนี้จะขอเล่าเรื่องกระต่ายจอมกระโดด ไม่รู้ว่าคนที่เลี้ยงกระต่ายจะเคยเจอประสบการณ์แบบนี้บ้างไหมต้องเกริ่นก่อนว่า ตอนที่เรียนอยู่เชียงใหม่อยู่ห้องเช่า ฉะนั้น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องครัว มันคือ ห้องเดียวกันหมด และตอนที่เลี้ยง น้องMilk เป็นประเภทที่ไม่ชอบเลี้ยงกระต่ายแบบขังกรง ดังนั้นน้องMilk จะมีสิทธิ์วิ่งเล่น ได้ทั่วห้อง จะนั่ง จะนอน จะวิ่ง จะถ่ายตรงไหนตามใจเค้าเลยละ (ไม่เคยขออนุญาตเราสักนิดว่าทำได้ไหม - -")

และเรื่องราวก็เกิดขึ้น วันนั้นกลับมาจากเรียน เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นน้องMilk นั่งอยู่ใต้โต๊ะญี่ปุ่น น่ารักเชียวพอวางข้าวของเสร็จ นั่งลงพักบนเตียง สายตาก็พลันไปเห็น รอยเปื้อนเป็นวงสีเหลืองๆ........... งง สงสัย มันรอยอะไรอะนั่ง งง อยู่สักพัก คำตอบก็ลอยมา หล่นตุ๊บอยู่บนเตียง
แถมวิ่งเล่นบนเตียงด้วย O_O โอ้วววววววววว
น้องMilk นั้นเอง นั่งหน้าแป้น ส่งสายตาอย่างหวานมาให้ แทบกรี๊ดเลยทีเดียว (ไม่ใช่กรี๊ดยินดีนะ -*-) จากนั้นเค้าก็โดดขึ้น โดดลงเตียง เหมือนจะโชว์ให้เห็นความสามารถ (ถามสักคำไหมว่าอยากเห็นหรือเปล่า)

วิธีแก้ คิดว่าถ้าเอาของมาวางกั้นขอบเตียงให้สูงๆ เอาของเท่าที่หาได้ หมอนมั่งละ กล่องบ้างละ ตั้งเป็นกำแพง คงจะกั้นเค้าได้แล้วเราก็ไปเรียน หวังไว้ในใจว่าจะได้ผล......

ซะที่ไหน มันไม่ได้ผลเลยอะ กลับมาก็เห็นว่ากำแพงที่ทำไว้พัง แต่ตัวยุ่งนอนหน้าบานอยู่ใต้เตียง โอ๊ยยยยยยยอยากจะร้องไห้จะตีก็ไม่กล้า (ใครจะกล้าละทำหน้าน่ารักใส่ ใจละลายเลย) ก็เลยต้องเก็บเตียงให้เรียบร้อยเอาผ้าปูออก แต่นานๆไปเค้าก็เลิกกระโดดไปเองสงสยคงจะหมดความสนใจ 5555
ไงละความน่ารักของ น้องMilk กระต่ายจอมซน ไว้คราวหน้าจะเล่าวีรกรรมของเค้าใหม่นะจ๊ะ

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

Rabbit : Bunny : Hare

ช่วงนี้อ่านหนังสือเตรียมสอบภาษาอังกฤษ เลยนั่งนึกถึงคำศัพท์ต่างๆ แล้วมาสะดุดที่คำเรียกเจ้ากระต่ายน้อยของภาษาอังกฤษที่มีคำเรียกอยู่ 2 คำ นั้นคือ rabbit และ bunny อืม............

มันต่างกันอย่างไรละเนี่ย มันจะเหมือน dog กะ puppy ไหมนะ แบบว่า สุนัขโตกะสุนัขเด็กๆ เลยต้องหาคำตอบให้มันกระจ่างซะหน่อย
จากการค้นหา พบว่าการใช้ของทั้งสองคำ ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่คำว่า bunny ถูกแตกออกมาจาก rabbit ซึ่งมักจะเอาไว้ใช้เรียกลูกกระต่าย หรือกระต่ายเด็กๆ เพื่อให้ดูน่ารัก และชัดเจนมากขึ้นเมื่อเราจะเรียกลูกกระต่าย

และยังพบคำศัพท์อีกคำคือ Hare (แฮร์) ซึ่งมีความหมายว่า กระต่ายป่า ซึ่งจะมีความหมายใกล้เคียงกับ Jack rabbit ที่มีแปลว่า กระต่ายขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือ เนื่องจากทั้ง Hare และ Jack rabbit มีหูและขาหลังยาวมาก ขนาดตัวก็จะใหญ่กว่ากระต่ายบ้าน (Rabbit)
คงจะกระจ่างกันไม่มากก็น้อย แต่เอาเป็นว่าถนัดคำไหนก็ใช้คำนั้น เพราะค้นใน google ผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่นะจ๊ะ

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

วิธีเลี้ยงกระต่าย : การจับกระต่าย

ได้ยินมาเรื่อยๆ ถึงจะนานๆ ได้ยินครั้งแต่ก็รู้สึกใจหายทุกครั้งที่ได้ยิน ว่า จับกระต่ายเหรอ หิ้วหูไง - -'

ห้ามหิ้วหูกระต่ายเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เค้าถึงแก่ชีวิตได้ เคยได้ความรู้เรื่องนี้จากคุณหมอ ว่า หูกระต่ายจะมีเส้นเลือดใหญ่ เส้นประสาท อยู่มาก

การที่หิ้วแต่หูเค้านั้น อาจทำให้เส้นเลือด เส้นประสาท เกิดอาการบาดเจ็บ ทำให้เค้าเจ็บปวด และอาจเป็นสาเหตทำให้กระต่ายหูตก (ไม่รวม lop นะ นั่นน่ะ หูตกอยู่แล้ว อิอิ) จนบางครั้งถึงแก่ชีวิตเค้าได้

ความเชื่อที่ว่าจับกระต่ายโดยการหิ้วหูนั้น มาจากกลุ่มคนที่เค้าทานเนื้อกระต่าย เวลาเค้าล่ากระต่ายมาได้เค้าจะหิ้วหู เพราะกระต่ายจะไม่ดิ้นเลย นั่นเพราะเค้าเจ็บมากนั่นเอง (T_T)

กระต่ายเป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย ดังนั้นการจับกระต่ายจะต้องทำด้วยความนุ่มนวลและ ถูกวิธีเพื้อความปลอดภัยของตัวกระต่ายและตัวผู้จับด้วย
การจับกระต่ายที่ถูกวิธีมีดังนี้

1. ลูกกระต่าย ใช้มือที่ถนัดจับหนังบริเวณสะโพกให้มั่นคง แล้วยกขึ้นตรง ๆ
2. กระต่ายขนาดกลาง ใช้มือขวา (หรือมือที่ถนัด) จับหนังเหนือไหล่ให้มั่นคง อาจรวบหูมาด้วยก็ได้ มือซ้ายรองใต้ก้นให้ด้านหน้าของกระต่ายหันออกนอกตัวผู้จับ
3. กระต่ายใหญ่ ใช้มือขวาจับแบบวิธีที่ 2 แล้วยกอ้อมขึ้นมาทางช้ายมือใช้แขนช้าย หนีบให้แนบชิดลำตัวโดยใช้มือซ้ายช่วยประคองก้น ให้หน้ากระต่ายหันไปทางหลังของผู้จับ และขากระต่ายชี้ออกนอกตัวผู้จับ




ลองทำตามกันดูนะจ๊ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://web.ku.ac.th/agri/rabbit/catch.htm

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

งด ซื้อ-ขาย กระต่ายเด็ก

เชื่อว่าหลายๆ คนที่คิดจะเลี้ยงกระต่าย และได้ลองศึกษาข้อมูลก่อนซื้อจะเคยได้ยินเรื่องราวการต่อต้านการซื้อ-ขายกระต่ายเด็ก แต่ถ้าบางคนที่ไม่เคย ถ้าแวะมาอ่านก็ขอทำความเข้าใจไว้ตรงนี้ว่าทำไม เค้าถึงต่อต้านไม่ให้ซื้อ-ขายกระต่ายเด็ก

"กระต่ายเด็ก" สงสัยไหมว่าเป็นยังไง - -?

ก็กระต่ายที่ยังไม่หย่านมแม่ไง หรือกระต่ายที่มีอายุตั้งแต่ แรกเกิด จนถึงช่วงประมาณ 1 เดือนครึ่งหรือ 2 เดือน ดูท่าทางการเดินยังไม่คล่อง ตายังดูปรือ ลืมตาไม่เต็มที่ ขนาดตัวเล็กกว่าฝ่ามือ แบบนี้ละสงสัยก่อนเลยว่าเป็นกระต่ายเด็กซึ่งกระต่ายจะกินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วงอายุประมาณ 20 วันแรกนับจากวันคลอด และเริ่มกินนมแม่ลดลง จนถึงอายุประมาณ 1 เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน

โดยกระต่ายในช่วงอายุประมาณ 2 สัปดาห์ ขนกำลังขึ้นสวย ตัวขนาดฝ่ามือน่ารักกำลังดี ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหน ใครเห็นก็ต้องบอกว่าน่ารักน่าชัง กันทั้งนั้น
และนี้ก็ทำให้พวกพ่อค้าแม่ค้า นำลูกกระต่ายมาขาย เพราะเห็นแล้วใจอ่อนกันทุกคน เคยเจอพ่อค้าแม่ค้าบางคนบอกว่า มันเป็นกระต่ายแคระ - -! (กระต่ายแคระไม่มีในโลก) หลอกกันเห็นๆแล้วถ้าเป็นคนที่ไม่เคยเลี้ยง หรือคนที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนเลี้ยง ส่วนมากจะหลงเชื่อกัน

แล้วถ้าซื้อมาจะเป็นไงละ - -?
ตอบได้อย่างเดี๋ยวว่าถ้าเป็นมือใหม่ ส่วนใหญ่กระต่ายเด็กมักไม่รอด เพราะเค้าเพิ่งได้นมแม่แค่ 2 สัปดาห์เอง (ได้นมแม่อย่างเต็มที่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะต้องมาโชว์ตัวตอนขาย เวลาไม่ได้ขายก็ไม่รู้ว่าได้อยู่กับแม่ไหม T_T) แล้วคนขายก็จะบอกว่ากินผักกินหญ้าได้ กินอาหารเม็ดได้ แล้วคนที่ซื้อเมื่อซื้อมา ก็หลงเชื่อ
"น่าสงสารมาก" บอกได้คำเดียว คิดดูว่าระบบการย่อยของเค้ายังพัฒนาไม่เต็มที่ เหมือนกับคนเราที่รณรงค์ให้แม่ป้อนนมลูก นับประสาอะไรกับกระต่ายตัวน้อย เค้าก็ต้องการนมแม่เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และเพิ่มแบคทีเรียในระบบการย่อยของเค้าเช่นกัน แต่ถ้าคนซื้อเป็นคนที่เคยเลี้ยงมาแล้ว ขอบอกว่าไม่มีทางหลงกลซื้อกระต่ายเด็กอย่างแน่นอน

ส่งท้าย ขอบอกว่ารอให้เค้าโตขึ้นมาอีกนิด ความน่ารักน่าชังเหมือนเดิม (อาจจะมากขึ้นด้วยนะ) ถ้าอยากจะเลี้ยงขอให้พิจารณาดีๆ ดูสภาพร้านที่น่าเชื่อถือว่าจะมีจรรยาบรรณเพียงพอที่จะไม่นำกระต่ายเด็กมาขายนะจ๊ะ

rabbitlily แห่งนี้ ขอรณรงค์ ต่อต้านการซื้อ-ขายกระต่ายเด็ก จ้า

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

วิธีเลี้ยงกระต่าย : ฝึกกระต่ายให้ฉี่เป็นที่

ขอเล่าจากประสบการณ์ของตนเองที่ฝึกกับน้อง milk แต่กระต่ายตัวอื่นที่เลี้ยงไม่เคยหัดให้อะ เลยมีประสบการณ์การฝึกกับน้อง milk ตัวเดียว

จำได้ว่าอยากจะฝึกให้น้อง milk ฉี่ให้เป็นที่เพราะ อยากจะปล่อยให้เค้าวิ่งเล่นภายในบ้านได้แต่ตอนที่ปล่อยครั้งแรก น้องmilk ฉี่ไปทั่ว นึกอยากจะปล่อยตรงไหนก็หย่อนก้นทันที ทำเอาปวดหัวเลยต้องศึกษาหาความรู้กันซะหน่อยว่า กระต่ายสามารถฝึกได้ไหม

จากการหาข้อมูลจากหลายๆ เว็บก็บอกว่า สามารถฝึกได้ โดยบางตัวเค้าก็สามารถวิ่งกลับไปฉี่ที่กรงของตัวเอง หรือบางตัวก็ฉี่บนถาดที่เจ้าของจัดไว้ให้ โดยถาดที่ใช้บางคนก็ซื้ออุปกรณ์ที่เรียกว่าห้องน้ำกระต่ายให้ จะเป็นถาดสามเหลี่ยมเข้ามุมได้เพราะปรกติกระต่ายชอบฉี่ตามมุมห้องนะ เท่าที่สังเกต แต่บางคนก็ประหยัดงบ โดยดัดแปลงเอาถาดคว่ำแก้วขนาดพอดีกับตัวกระต่ายมาใช้ก็ได้ เพราะเราเองก็ใช้ถาดคว่ำแก้วนี้แหละ

เมื่อหาอุปกรณ์ได้ จากนั้นก็หามุมที่เค้าชอบไปฉี่บ่อยๆ วางถาดไว้ แล้วคอยสังเกตว่ากระต่ายเข้าไปใช้ไหม ถ้าหนีไปฉี่ที่อื่น ก็ต้องคอยดูว่ากระต่ายจะฉี่หรือยัง ถ้าตั้งท่าจะฉี่ ให้รีบอุ้มมาไว้บนถาด ฝึกเค้าบ่อยๆ เค้าก็จะจำได้เอง ซึ่งน้อง milk ทำได้ด้วยแต่ถ้าปล่อยกระต่ายตัวอื่นออกมาวิ่งด้วยละก็ อาจมีนอกลู่นอกทางกันบ้าง อันนี้ต้องทำใจ อิอิอิ

ช่วงที่ฝึก ถ้าเค้าฉี่ไม่เป็นที่แล้วเราเจอพอดี ให้ดุเค้าโดยการใช้มือกดหัวเค้าเล็กน้อย ให้รู้ว่าเราดุ แล้วเค้าจะหมอบ จากนั้นเราค่อยปลอบเค้า คุยกะเค้าดีๆ
ย้ำว่าต้องดุตอนที่เห็นคาตาเท่านั้นนะ ไม่งั้นเค้าจะไม่รู้หรอกว่าเราดุเค้าเรื่องอะไร อิอิ

เพื่อนๆก็ลองฝึกกันดูนะ อาจจะดื้อไปบ้าง ซนไปนิด อย่าท้อถอย ลองฝึกกันต่อไป แล้วจะเจอความน่ารักสดใส ของกระต่ายเป็นรางวัล

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

วิธีเลี้ยงกระต่าย : การอาบน้ำกระต่าย

ต้องอาบน้ำกระต่ายไหม?
หลายคนที่เลี้ยงกระต่ายใหม่ๆ มักจะมีคำถามที่ว่า ต้องอาบน้ำให้กระต่ายหรือไม่?

คงต้องบอกว่าจากประสบการณ์ และการค้นหาข้อมูลจากผู้รู้ ขอตอบว่าไม่ต้องก็ได้โดยปรกติกระต่ายเค้าจะทำความสะอาดตัวเอง ดูแลตัวเองอยู่แล้ว จะเห็นได้จากการที่เค้าเลียตัวเองบ่อยมาก แต่งตัวทั้งวัน O_o และหากอาบน้ำให้ไม่ดีอาจเสี่ยงต่อการที่เค้าจะไม่สบายเป็นหวัดได้

ถ้าอยากจะทำความสะอาดให้จริงๆ ก็เอาแค่ผ้าชุบน้ำมาลูบตัวกระต่าย หรือบริเวณที่จะทำความสะอาดก็ได้ แล้วก็แปรงขน โดยเฉพาะกระต่ายพันธุ์ขนยาวควรแปรงขนให้เป็นประจำ เพราะถ้าขนพันธุ์กันมากๆ จะเป็นก้อนและอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้

แต่ถ้าสกปรกจริงๆ แบบที่ชอบเอาก้นจุ่มฉี่ตัวเองประจำ จนก้นเหลืองขนพันกันละก็ ใช้วิธีการล้างเฉพาะส่วนก็น่าจะพอ แต่ที่สำคัญเลือกใช้แชมพูที่เหมาะสมกับกระต่าย และต้องมั่นใจว่าล้างแชมพูที่ใช้จนเกลี้ยงจริงๆ (เพราะกระต่ายจะเลียซ้ำ ถ้าล้างไม่หมดอาจจะอันตรายต่อเค้าได้) และเป่าขนเค้าให้แห้งสนิท ไม่งั้นอาจเป็นเชื้อรา (ลมที่ใช้เป่าระวังอย่าร้อนไปนะจ๊ะ)จากนั้นแปรงขนให้เรียบร้อย ทีนี้ก็จะได้กระต่ายตัวหอมกะเค้าแล้ว (แต่ไม่น่าจะนานนะเพราะกระต่ายจะรีบหลบมุมไปเลียตัวใหม่หมดทั้งตัวจนเป็นกลิ่นเค้าเอง - -!)

สำนวนกับกระต่าย

นั่งนึกถึงคำสำนวนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระต่าย ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง เลยลองหาๆดู มีความหมายมาให้ด้วย

1. กระต่ายหมายจันทร์

กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึง การหวังในสิ่งที่เกินตัว มักใช้เปรียบเทียบความรักของผู้ชายกับผู้หญิง โดยฝ่ายชายต่ำต้อยไปหลงรักผู้หญิงที่สูงส่งกว่าตน

2.ยืนกระต่ายสามขา หรือ ยืนกระต่ายขาเดียว

ยืนกระต่ายสามขา หรือ กระต่ายขาเดียว หมายถึง พูดยืนยันคำเดียว โดยไม่เปลี่ยนความคิดเดิม มักจะใช้ว่ายืนกระต่ายขาเดียวหรือ ยืนกระต่ายสามขา

3.กระต่ายตื่นตูม

กระต่ายตื่นตูม มักใช้เปรียบเทียบคนที่แสดงอาการตื่นตกใจง่าย โดยที่ไม่ทันสำรวจให้แน่นอนเสียก่อน (แต่กระต่ายบางตัวไม่เป็นนะอย่างน้องmilk ไง 555)

4.กระต่ายแหย่เสือ

กระต่ายแหย่เสือ หมายถึง การล้อเล่นกับสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างมาก อย่างที่กระต่ายไม่ควรไปแหย่เสือเพราะอาจถูกจับกินเป็นอาหารได้นั่นเอง

5.หนวดเต่าเขากระต่าย

หนวดเต่าเขากระต่าย หมายถึง ของที่หาไม่ได้ โดยส่วนมากมักจะหมายถึงของดีกว่าของธรรมดา ย่อมหาไม่ได้


เท่าที่ค้นเจอก็มีเท่านี้ ถ้าใครเจออีกอย่าลืมมาบอกเล่ากันด้วยนะจ๊ะ....*-*

ยาสามัญประจำกระต่าย

ต้องขอออกตัวว่าไม่ได้เป็นสัตวแพทย์แต่อย่างใด เอามาจากประสบการณ์ล้วนๆ
อย่างแรกที่เริ่มศึกษาหาข้อมูลในการเลี้ยง ไม่ได้เคยนึกถึงว่าจะต้องมีการเตรียมยาไว้ให้เค้าด้วย แต่จากการที่เลี้ยงมาได้ 7 ปี ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยก็น่าจะต้องมีสิ่งเหล่านี้เตรียมไว้บ้าง
1.เบตาดีน
ทำไมต้องเบตาดีน อย่างแรกถ้าใช้แอลกอฮอล์กระต่ายก็จะแสบแผล (ขนาดคนยังแสบเลย T-T)แล้วมันก็ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ เมื่อเวลากระต่ายซนมีแผล ยิ่งถ้าใครเลี้ยงหลายตัว แล้วเกิดการต่อสู้กันจะได้ทำความสะอาดแผลให้น้องกระต่ายได้
2.Laxatone (แล็กซาโทน)
อันนี้แก้อาการก้อนขน เวลาที่กระต่ายเริ่มมีอาการ กินอาหารน้อยลง เริ่มอยู่นิ่งๆ ไม่ค่อยแต่งตัว ไม่ดูแลตัวเองท้องป่องๆ ก็จะเริ่มป้อน laxatone ให้ จากที่ใช้อยู่จะใช้หลอดสีแดง ป้อนครั้งละ 3 cc.เช้า-เย็น ซึ่งอันนี้คุณหมอแนะนำว่ากินได้ถ้าหากเราสงสัยว่าเค้าจะมีก้อนขนในท้อง โดยปรกติจะให้อยู่ 3 วัน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็ควรพาไปหาหมอ
3.ยาคูลท์
สงสัยละสิว่ามันยาตรงไหน ขอบอกว่าเป็นพระเอกเลยละ เพราะโดยปรกติในกระเพาะของกระต่ายจะมีแบคทีเรียที่เป็นชนิดเดียวกันกับแบคทีเรียในยาคูลท์(อันนี้หมอบอกมา) กระต่ายบางครั้งที่เค้ากินน้อยลงอาจจะไม่ใช่ว่าเค้าเป็นก้อนขนเสมอไป แต่อาจเป็นเพราะแบคทีเรียชนิดนี้มีน้อย ทำให้อาหารย่อยยาก โดยเฉพาะถ้ากินแต่อาหารเม็ด เราก็ต้องเพิ่มแบคทีเรียให้เค้า แต่จริงๆแล้ว ถ้าใครที่เลี้ยงกระต่ายจะสังเกตว่า กระต่ายจะมีอึอยู่ 2 แบบ แบบที่เป็นก้อนกลมแข็งๆ และแบบพวงองุ่นแบบพวงองุ่นจะมีแบคทีเรียชนิดนี้อยู่เหมือนกัน โดยปรกติที่ให้เองจะให้ เช้า-เย็น ครั้งละ 3-5 cc. แต่ไม่ควรเกิน 3 วัน ถ้ากระต่ายยังไม่ยอมกินอะไรอีกควรพาไปหาหมอจะดีกว่า

เท่าที่เลี้ยงมามี 3 อย่างนี่แหละที่ใช้เสมอ แต่ก็อย่างที่บอกว่ากระต่ายเป็นผู้ถูกล่าตามธรรมชาติ เค้ามักจะปกปิดอาการเจ็บป่วยของตัวเองผู้เลี้ยงควรจะเอาใจใส่เป็นพิเศษ หากการผิดสังเกต ไม่ควรปล่อยไว้นานควรรีบพาไปหาหมอโดยเร็ว ไม่งั้นคุณอาจจะต้องมานั่งเสียใจทีหลังนะจ๊ะ

ปล. ส่วนอาการ ท้องเสีย เป็นหวัด ฯลฯ แนะนำให้ปรึกษาหมอเลยดีกว่า เพราะส่วนตัวแล้วไม่ค่อยให้ยาเอง อย่างพวกยาห้ามถ่าย อะไรพวกนี้

ไม่เลือกสายพันธุ์


ตอนที่เลือกซื้อกระต่ายครั้งแรกพวกคุณระบุพันธุ์ไหม?
โดยส่วนตัว ตอนที่ซื้อน้อง milk อย่างที่บอก มันเป็นรักแรกพบจริงๆไม่เคยสนใจเลยว่าเค้าเป็นพันธุ์แท้มั้ย พอตกลงปลงใจรับเค้าเข้ามาในชีวิตถึงสนใจถามว่าเค้าเป็นพันธุ์อะไร ตอนที่ซื้อเจ้าของบอกว่า Lionhead แต่เอาไปให้ใครๆ ดูก็บอกว่าพันธุ์ผสม แล้วบอกเราว่า "เรานะโดนคนขายหลอก" O_O

เมื่อได้ยินดังนั้นก็กลับมาคิดว่าเราถูกหลอกเหรอ เพราะคนซื้อเค้าก็ไม่ได้หลอกเรานะ เพราะเราซื้อเค้าแล้วถึงสนใจเรื่องสายพันธุ์ *-*

แล้วถ้าถามว่าพอรู้ว่าน้อง milk ไม่ใช่พันธุ์แท้ ยังรักน้อง milk ไหม? บอกได้เลยว่ารักเหมือนเดิม ยิ่งอยู่กะเค้านานขึ้นก็รักมากขึ้น ไม่เคยรักน้อยลงเลย

แต่บางคนพอรู้ว่ากระต่ายตัวเองไม่ใช่พันธุ์แท้ก็ไม่รัก ผลักไสเค้า ไม่ใช่แค่เฉพาะกระต่ายนะ ขอรวมสัตว์เลี้ยงทุกตัวเลยแค่เค้าไม่ใช่พันธุ์แท้ บางคนเอาถึงกับเอาไปปล่อย บ้างก็ไปโวยวายที่ร้านที่ซื้อมาจะขอเปลี่ยนไม่เอากระต่ายที่ซื้อแต่ก็นะคนที่ซื้อสายพันธุ์แท้แล้วไม่ได้พันธุ์แท้อย่างที่ต้องการก็คงเสียความรู้สึก และต้องซื้อของที่แพงกว่าความเป็นจริงเลยอยากจะขอให้คนที่ขายกระต่ายหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ ให้ค้าขายกันอย่างบริสุทธิ์ใจกันหน่อย แท้ก็บอกแท้ ไม่แท้ก็บอกกันตรงๆ ราคาก็ขอแบบยุติธรรม เพราะคนซื้อที่เป็นอย่างคนเขียนมีเยอะนะ ที่ไม่สนหรอกว่ากระต่ายที่ซื้อจะเป็นพันธุ์แท้หรือไม่ ขอแค่เจอหน้า เห็นแล้วรักก็โอเคแล้วละ

ก็ไม่ว่าจะรักพันธุ์แท้ หรือจะชอบพันธุ์ทาง ก็ขอให้คนที่มีสัตว์เลี้ยงทุกคน รักและเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงของตัวเองให้มากๆนะคะแม้เค้าจะพูดไม่ได้ แต่ก็มีหัวใจนะ